เข้ามาถามไถ่แล้วผละออกไปผมจึงสวมรอยเข้าไปคุยต่อเรื่องวิธีการประกอบกล่องไฟถ่ายภาพอย่างละเอียดและวิธีการใช้

ญาติของ เสือปีนคู่ เข้ามาถามไถ่แล้วผละออกไปผมจึงสวมรอยเข้าไปคุยต่อ ม.ล.ปมเล่าอะไรบางอย่างให้ฟัง ผมถามบ้างปล่อยให้พูดเองบ้างพยายามไม่ถือเอาเป็นเรื่องจริงจังจนกระทั่งผมแน่ใจว่าได้เรื่องพอแล้วผมจึงเบี่ยงตัวออกพร้อมกันนั้นก็ดึงเอากล้องออกมาตั้งทุกอย่างเรียบร้อยพร้อมทั้งกะระยะด้วยความแม่นยำแล้วหันขวับไปที่เสือปีนคู่ กดชัตเตอร์ฉับพอจะกดอีกครั้งเมื่อเลื่อนฟัล์มแล้วมองผ่านกล้องเห็นอาการเคลื่อนไหวของ เสือปีนคู่จึงรีบถอยและมองไปที่นั้น กล่องไฟถ่ายรูป ผู้ตกเป็นเป้าการถ่ายภาพขว้างรองเท้าข้างหนึ่งตรงมาที่ผมพร้อมคำด่าหยาบคาย ผมถอยห่างออกมาและยังไม่ยอมแพ้ผมเดินหาญาติของเขาอีกจนพบและคุยต่ออีกนิดหน่อย วันนั้นข่าว เสือปีนคู่ และชีวิตของเขาจึงเป็นข่าวพาดหัวรองของวันรุ่งขึ้นเรื่องของการถ่ายภาพในลักษณะนี้ผู้ถูกถ่ายภาพจะโกรธ ยกเว้นบุคคลผู้นั้นไม่ถือสาอะไรเพราะรู้ว่านั้นคือหน้าที่ของผม จำเลยในคดี แมนสัตตันตั้งแต่เริ่มมาศาลจนกระทั่งเข้าสู่การพิจารณาคดีที่บัลลังก์ผมจะถ่ายบุคคลที่เป็นที่รู้จักเพื่อนำไปประกอบข่าวมีอยู่ครั้งหนึ่งจำเลยคนหนึ่งในจำนวนทั้งหมดเป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่ง กล่องไฟสตูดิโอ แต่ไม่เคยมีภาพปรากฏในหน้าหนังสือพิมพ์เลยด้วยเหตุนี้ในวันที่มาศาลซึ่งเริ่มพิจารณาในตอนเช้าและเมื่อหยุดพักกลางวันเกือบทุกคนซึ่งไม่มีเครื่องจองจำใดๆเลยจะเดินออกจากศาลข้ามถนนมายังห้องควบคุมใต้ถุน ผมรีบออกจากบัลลังก์มาก่อนโดยมีข้อกำหนดว่าจะถ่ายบุคคลผู้นี้ให้ได้ผมยืนคักอยู่ค่อนมาทางที่จะเดินเข้าใต้ถุนศาลเมื่อจำเลยเดินออกจากบัลลังก์มาโดยสองข้างทางเดินจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียงรายอยู่ตลอด ผมจับตาดูโดยไขว้มือถือกล้องไว้ด้านหลังพอบุคคลผู้นั้นเดินมาถึงระยะที่กำหนดและตั้งหน้ากล้องเอาไว้ผมก็กดช้ตเตอร์ ขอรูปเดียวพอผมเดินหนีทันที แต่ไม่วายที่จะชำเลืองมองผมมองผ่านกล้องในช่วงที่ยกกล้องขึ้นมาแนบสายตานั้นผมเห็นเขาชะงักและมองด้วยสายตาแลดงความไม่พอใจ แม้ว่าผมจะเดินห่างมาแล้วผมก็ยังสังเกตเห็นความไม่พอใจปรากฏอยู่อย่างเดิม มีคนมาบอกผมว่าไหมนั้นสมหมายเขาโกรธนายผากเพราะตั้งแต่เกิดเรื่องเขาไผ่เคยถูกนักข่าวถ่ายรูป ครับ เขาคือร.ท.สมหมาย บุนนาคมีอสองรองจาก น.ต.มนัส จารุภา ผู้จี่จอมพล ป.พิบูลสงคราม กล่องไฟสตูดิโอฉากขาว เมื่อ ๖ ตำรวจโดดหนีศาลหนังสือพิมพ์ปัจจุบันนี้นอกจากจะเสนอข่าวสารการเมืองอาชญากรรมแล้วยังมีอะไรต่อมิอะไรอีกมากมายโดยแบ่งออกเป็นเรื่องๆ ไป การทำงานของนักข่าวจึงแบ่งภาระหน้าที่กันเป็นอย่างๆแม้กระทั่งเรื่องราวก้าวหน้าของไอที หรือปัญหาสิ่งแวดล้อมต่างๆก็ยังจัดให้มีนักข่าวเฉพาะเรื่องรับผิดชอบจนถึงขั้นมีการจัดตั้งเป็นสมาคมสมาคมกันไปแต่ถ้าย้อนหลังตั้งแต่ ๒๕๙๓ มาจนถึง ๒๕๙๕หรือต่อจากนันไปอีกก็ยังไม่แยกหน้ากระดาษออกมาเป็นลัดส่วนเป็นแต่ละเรื่อง ที่จริงแล้วการทำงานของนักข่าวยังต้องพึ่งพาความสามารถของตัวเองเป็นสำคัญเพราะอุปกรณ์ที่จะช่วยให้การทำงานดีขึ้นก็ยังไม่มีการบริโภคข่าวสารก็ยังไม่ตื่นตัวอะไรโทรทัศน์ก็ยังไม่เกิดขึ้นในเมืองไทยหน้าตาเป็นยังไง กล่องไฟสตูดิโอ ราคา ก็ไม่รู้ฉะนั้นข่าวสารทั่งหลายจึงเพ่งเล็งไปที่คะแนนความนิยมอย่างเซ่นการชกมวยไทยที่ราชดำเนินสามารถเป็นทั่งข่าวและภาพ พาดหัว หน้าหนึ่งทีเดียวอย่างเซ่น คู่ชกระหว่างสุรชัย ลูกสุรินทร์กับสมเดช ดาวมฤตยูเดชบัตรเข้าชมมาคาสิบบาในเวลานั้นถือว่าแพงมากแต่ก็มีคนคักซื้อล่วงหน้าไปจนหมดแล้วออกเร่ขายราคา ๑๓.๐o บาทมวยคู่เอกคู่นี้ที่ตั้งราคาสิบบาทนั้นเพราะเป็นรายการกุศลสมทบทุนสงเคราะห์เด็กอนาถาแล้วมวยดู่นี้ก็ขึ้นเวที ความมันเริ่มตั้งแต่ยกหนึ่งยกสอง ทั้งคู่ต่างมีแม่ไม้มวยไทยครบเครื่องจึงให้ความตื่นเต้นแก่ผู้ซมมาถึงยก ๓ กลางยกสุรชัยโดดเตะสมเดชเบี่ยงหลบแล้วปล่อยหมัดซ้ายสวนออกไปสุรชัยล้มลงกองเป็นจังหวะเดียวกับสมเดชเองก็เสียหลักล้มลงทับสุรชัยผลสมเดชชนะ สุรชัยฃาหักในยก ๓นั่นคือมวยไทยขออนุญาตข้ามเลยไปจนถึงดูมวยสากลที่สำคัญ   กล่องไฟถ่ายรูปสินค้า