วันอังคารที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2559


พอตกกลางคืนระหว่างการเจรจาระหว่างการประชุมก็มีเสียงพูดขึ้นมาว่าถ้าเราใช้กล่องไฟสตูดิโอถ่ายภาพมันจะดีไม่ใช่น้อยและภาพจะออกมาดี

กรุงศรีอยุธยาตั้งแต่บ่ายของวันที่ ๒๙ มิถุนายนนั้นพอตกกลางคืนระหว่างการเจรจา ระหว่างการยิงกันในตอนคายังไม่ดึกดื่นนัก ก็มีเสียงจอมพลป.กล่าวเสมือนเป็นการปราศรัยออกมาทางวิทยุกระจายเสียง ฝ่าย
รัฐบาลเองก็ประหลาดใจไม่น้อยจึงสืบสวนกันจ้าละหวั่นและรู้ในเวลาต่อมาว่าต้นเสียงนั้นมาจากสถานีวิทยุของกองสัญญาณทหารเรือ หัวถนนวิทยุแต่เทปเสียงที่นำมาออกอากาศนั้นแน่นอนแล้วว่ามันมาจากเรือรบหลวงศรีอยุธยา คำถามก็คือ มันมาได้อย่างไรระยะทางจากกองสัญญาณ กล่องไฟสตูดิโอ กับจุดที่เรือรบหลวงศรีอยุธยาลอยลำอยู่นั้นจะต้องข้ามไปทางฝังธนบุรีมากกว่าที่จะมาทางด้านฝังพระนครและจากนั้นก็จะตรงดิ่งไปกองสัญญาณเป็นเสันทางที่ค่อนข้างปลอดโปร่งกระนั้นหรือ คำตอบตรงนี้ต่างก็ฃบคิดกันไปต่างๆนานา จนกระทั่งเหตุการณ์สงบแล้วหลายวันฝ่ายตำรวจยังไม่ยอมทิงการสืบสวนจนกระทังได้ทราบว่ามีนักข่าวหนังสือพิมพ์คนหนึ่งเป็นคนเอาเทปเสียงจอมพล ป. มาจากเรือรบหลวงศรีอยุธยา
มาส่งให้กับทหารเรือที่กองสัญญาณ นักข่าวคนนั้นเป็นใครยุคนั้น ขึ้นซื่อว่านักข่าวไม่ว่าจะเป็นพิมพ์ไทย
เดลิเมล์ว่ากันว่า  กล่องไฟฉากขาว ล้วนมีบัญชีเป็นรายตัวแทบจะทั้งนั้นและในจำนวนนั้นมีคนหนึ่งที่มีอดีตเป็นทหารเรือ ไม่ใช่ บรรจบ แก้วดีลป์เพราะจากการสืบตามหานั้นได้ความว่าเป็นคนภูมิลำเนาที่สมุทรปราการ มียศเป็นจ่าโทและหลังจากเหตุการณ์สงบจ่าโทผู้นี้ก็แอบไปบวชอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งในสมุทรปราการนั้นเองลงว่าได้ความชัดขนาดนี้แล้วหรือฝ่ายตำรวจภายใต้การนำของ พ.ต.ท.อรรณพ พุกประยูร ก็นำกำลังไปที่วัดนั้นไม่รอช้าหลวงพี่ลืมตาขึ้นมายังไม่ทันจะได้ออกบิณฑบาตก็เจอผู้มีศรัทธามานิมนต์ถึงกุฏิ นิมนต์พระคุณเจ้าไปยังโรงพ์กกลาง ชั้นบนของพลับพลาไชยพระภิกษุชูชีพ คงเวียง คือนักข่าวพิมพ์ไทยผู้นั้น กล่องไฟสตูดิโอ ราคา  พ.ต.ท.อรรณพนิมนต์ต่อขึ้นไปบนชั้นดาดฟ้าและด้วยท่าทีที่ขึงขังมากขณะป้อนคำถามในประเด็นที่ว่าแกใช่ไหมที่เอาเทปเสียง จอมพล ป.มาจากเรือศรีอยุธยาส่งให้กองสัญญาณถ้ามิใช่ห่มด้วยผ้ากาสาวพัสตร์หลวงพี่ ก็คงจะ เล่นลิ้น ไปตามเพลงก่อนแต่เมื่อมีศีล มุสาวาทา ท่านก็รับว่า ใช่ ด้วยเหตุนี้จึงตกเป็นจำเลยและมีการลาสิกขาอย่างเรียบร้อยมิใช่ด้วยการสึกตามแบบของตำรวจคือปลดผ้าเหลืองเอาดื้อๆคุณชูชีพ คงเวียงเป็นนักข่าวก่อนหน้าผมไม่น้อยกว่าหนึ่งปี อยู่ พิมพ์ไทยสายข่าวของเขามักจะไม่ค่อยได้เจอะเจอกันลักเท่าไหร่ ผมเคยพบในสถานีตำรวจศาลาแดงและมีการทักทายกันโดยไม่ต้องมีใครมแนะนำให้รู้จัก เหมือนว่า มองเห็นกันก็รู้แล้ว ว่าคือ กล่องไฟถ่ายภาพ
นักข่าวด้วยกัน คุณลูชีพพูดจาโผงผาง อารมณ์ดี ชอบกระเซ้าเย้าแหย่เพื่อนพ้องผมได้รู้จักเขามากขึ้นจากคำบอกเล่าของคุณไพโรจน์ที่รู้จักกันเมื่ออยู่สายโรงพยาบาลกลาง หลังจากที่ถูกควบคุมตัวและสอบปากคำแล้วก็ได้รับรู้ในเวลาต่อมาว่า โทษทัณฑ์ของเขาไม่มือะไรมากแต่เมื่อพ้นออกมาแล้วคุณเชีพก็ไม่เข้ามาข้องแวะกับการเป็นนักข่าวต่อไปเรื่องของ กบฏแมนฮัตต้น คงยังไม่จบง่ายนักอย่างน้อยที่สุดเมื่อคดีถึงศาล มีจำเลยร่วมอีกกว่า ๖๐ คนการมาศาลตามหมายนัดแต่ละครั้งจึงเป็นเรื่องไม่ปกติ เฉพาะอย่างยิ่งบัลลังก์สำหรับพิจารณาคดีที่ใช้ทั่วไปก็คับแคบ ฉะนั้นในการพิจารณาคดีแต่ละครั้งจึงกำหนดเอาบัลลังก์เป็นบัลลังก์พิจารณา ยกเว้นในเรื่องร้องเรียนทั่วๆไปเท่านั้นที่จะมืเฉพาะทนายกับจำเลยที่ร้องเรียนกับฝ่ายอัยการเท่านั้นเองแต่อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ที่เกิดจากความต่อเนื่องเป็นเรื่องที่กลายเป็น
กล่องไฟถ่ายรูปสินค้า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น